“หนูมาอาบน้ำให้ป้าหน่อยนะ ป้าให้ 1,000 หนึ่งเลยก็ได้”
.
เมื่อวันที่ 10 สิงหาที่ผ่านมา น้องเมย์ – อาสาสมัครเส้นด้ายฝ่ายประสานงานได้รับโทรศัพท์จากศูนย์ข่าวแห่งหนึ่งให้ประสานงานช่วยเหลือ คุณป้ามาลัย ผู้ป่วยวัย 58 ปีที่พึ่งสูญเสียสามีไปด้วยโรคโควิด-19 ได้เพียงไม่กี่วัน จากการเร่เก็บของเก่าขายตามชุมชน ซ้ำร้ายยังมีโรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไตร่วมด้วย
.
หลังจากตรวจพบเชื้อในวันที่ 6 สิงหา คุณป้าเริ่มมีอาการหอบ เวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกตามมาจนไม่มีแรงพอที่จะเดินได้ เป็นเหตุให้อดอาหารและไม่ได้อาบน้ำถึง 10 วันไร้บุตรหลานดูแลใกล้ชิด ถึงแม้จะมีหน่วยงานอื่นติดต่อมาหาคุณป้าก็เพียงแต่บอกให้สู้และปล่อยให้รอเท่านั้น กระทั่งเสียงใส ๆ ของน้องเมย์เข้ามาคอยประคองความหวังเล็ก ๆ จากต้นสายจนกลายเป็นความเชื่อใจระหว่างผู้รับถึงผู้ให้
.
คืนวันที่ 11 สิงหา คุณป้ามาลัยยังยืนยันคำเดิมที่จะให้น้องเมย์มาช่วยดูแลอาบน้ำให้ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบุษราคัม ในวันต่อมา น้องเมย์ ตบปากรับคำอย่างไม่รีรอพร้อมนำเพื่อน ๆ อาสาสมัครคนอื่น ๆ ไปร่วมด้วย
แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะรุนแรงกว่าที่คิด น้องเมย์พบคุณป้ามาลัยนอนจมกองเลือดที่แห้งจนเกาะเป็นคราบกับเงิน 2,000 บาทในมือที่เตรียมไว้ให้ตามสัญญา คุณป้ามีอาการ หน้าซีด ไอเป็นเลือด และ มีเลือดออกจากช่องคลอดและทางทวารหนัก ซึ่งแพทย์ได้ประเมินว่า เกิดจากระบบหมุนเวียนภายในร่างกายทำงานผิดปกติ มีโอกาสจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ
…คุณป้ากลายเป็นผู้ป่วยสีแดงอย่างสมบูรณ์…
ถึงแม้วันนี้คุณป้ามาลัยจะเข้าสู่กระบวนการรักษาแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ป่วยถูกทอดทิ้งให้อยู่กับคำว่า “สู้ๆนะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สีเหลืองอ่อนเปลี่ยนเป็นแดงเข้มในชั่วข้ามคืน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับความเสียหายที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น#เส้นด้าย#ได้ที่ไม่ใช้เส้น